
หลายคนคงทราบดีว่าปลาเป็นสัตว์ที่อุดมไปด้วยโปรตีน โอเมก้า 3 จำนวนมากซึ่งสารอาหารเหล่านี้ต่างอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสมอง ฉะนั้นถ้าใครชื่นชอบการทานปลาโดยเฉพาะปลาดิบอย่างซูชิ จะต้องรู้จักซูชิโอโทโร่ หรือ ชูโทโร่ ในปลาทูน่านั้นนอกจากจะมีประโยชน์แล้วยังมีรสชาติที่แสนอร่อย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานเป็นอย่างมาก แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าในเนื้อปลาทูน่ามีองค์ประกอบไปด้วยอะไรบ้างคะ
- เนื้อแดง “อาคามิ”
คือเนื้อที่อยู่บริเวณส่วนกลางด้านข้าง (Back Side) ของตัวปลา จุดเด่นของเนื้อแดงอาคามิมีรสสัมผัสแน่น เนื่องจากในเนื้อมีไขมันแทรกอยู่น้อย ให้แคลอรี่ต่ำแต่มีโปรตีนสูงจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ในร้านซูชิจะเรียกเนื้อแดงอาคามิว่า มากุโระ (ปลาทูน่า) เมื่อนำมาเทียบกับโอโทโร่ และชูโทโร่แล้ว เนื้อแดงอาคามิจะรับประทานได้เต็มอิ่มมากกว่า
- เนื้อมันส่วนกลาง “ชูโทโร่”
คือเนื้อที่อยู่บริเวณส่วนท้องและส่วนหลังของตัวปลาที่จะไม่ร่วมส่วนอื่นๆ จุดเด่นของเนื้อบริเวณนี้ จะมีไขมันแทรกอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งไขมันส่วนนี้สามารถละลายได้ในปากและความกลมกล่อมของรสชาติเนื้อแดงทำให้เกิดความอร่อยที่ลงตัว สามารถทานชูโทโร่ได้ทั้งแบบซูชิ ทานดิบ (ซาชิมิ) คือการทานแบบย่าง ซึ่งเนื้องชูโทโร่เป็นส่วนที่นิยมทานกันมากว่าส่วนอื่น
- เนื้อมันส่วนท้อง “โอโทโร่”
เป็นเนื้อบริเวณท้องที่มีไขมันแทรกอยู่มากที่สุด จึงทำให้รสสัมผัสที่ได้มีความเนียนนุ่ม จุดเด่นของเนื้อส่วนนี้คือเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะมีความรู้สึกราวกับว่าเนื้อสามารถละลายได้ในปาก แล้วมีรสชาติที่หวานนุ่มละมุนละไม โอโทโร่คือเนื้อส่วนที่มีราคาแพงมากที่สุด เมื่อนำไปทำเป็นซูชิจึงจัดว่าเป็นซูชิสุดหรูอลังการ
- เนื้อส่วนแก้ม “โฮโฮนิขุ”
ในเนื้อปลา 1 ตัวจะมีเนื้อส่วนแก้ม โฮโฮนิขุ เพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้นจัดว่าเป็นส่วนที่หายาก โฮโฮนิขุประกอบไปด้วยเส้นใยทางอาหารสูง เมื่อนำไปใช้ประกอบอาหารต่างๆไม่ว่าจะทำสเต็กหรือทอดก็ทำให้ได้เนื้อนุ่มรสชาติเยี่ยมที่ไม่ต่างกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ
- เนื้อมันส่วนคาง “คามะโทโร่”
เป็นเนื้อบริเวณที่อยู่ด้านหลังเหงือก และเป็นส่วนที่หายากเพราะใน 1 ตัวจะมีเพียงแค่ 2 ชิ้น เท่านั้น คนญี่ปุ่นจึงมักชอบที่จะทานเนื้อตรงส่วนนี้ เพราะมีไขมันในปริมาณกำลังพอดีไม่มากเกินไปแล้วยังรับประทานได้ง่ายอีกด้วย