
เนื้อไก่จัดได้ว่าเป็นวัตถุดิบที่ค่อนข้างได้รับความนิยมไม่ต่างไปจากเนื้อหมูเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่นี่คือเนื้อสัตว์ที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถทานได้ มีไขมันน้อยที่สุด ยิ่งคนลดความอ้วนยิ่งสามารถทานเนื้อไก่เพื่อสร้างโปรตีนให้กับร่างกายได้มันเลยทำให้เนื้อไก่เหมาะสำหรับการนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารแทบจะทุกชนิด อย่างไรก็ตามการจะทำให้อาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อไก่เกิดความอร่อยได้จะต้องรู้จักวิธีในการเลือกเนื้อไก่ที่ถูกต้องด้วย
การเลือกเนื้อไก่ที่ถูกต้อง
จริงๆ แล้วเนื้อไก่แต่ละส่วนมันไม่ได้เป็นเนื้อที่มีความแตกต่างกันมากนักเหมือนกับพวกเนื้อหมูหรือเนื้อวัว เพราะฉะนั้นหลักในการเลือกเนื้อไก่ที่ดีจะมีความคล้ายคลึงกันในแทบทุกส่วน ดังนี้
- ลักษณะความแน่นของเนื้อ – เนื้อไก่ที่สดใหม่ลักษณะความแน่นของเนื้อจะต้องมีผิวที่ตึง ไม่มีลักษณะเหี่ยวย่น เพราะไก่ที่เหี่ยวย่นหรือไม่แน่นตึงนั่นคือไก่ที่ค้างคืนหรือไก่ที่เก่าไปแล้ว
- สีของเนื้อไก่ – เนื้อไก่ที่ดีจะต้องมีสีส้มๆ แดงๆ ระเรือ สีไม่ซีด ไม่มีรอยช้ำเขียวๆ หรือมีรอยจ้ำช้ำๆ เพราะนั่นคือรอยของไก่ที่ไม่มีความสด ไม่ควรเลือกซื้อมาประกอบอาหารโดยเด็ดขาด
- บริเวณที่ต้องสังเกต – บริเวณใต้ปีก ขา ลำคอในช่วงที่ต่อกับลำตัวจะต้องมีสีที่สวยงาม ไม่ช้ำ ไม่มีจุดที่เลือกออกหรือมีลักษณะเป็นตุ่มๆ หนองๆ
- เนื้อไก่ต้องสวย – คำว่าสวยในที่นี้คือต้องไม่มีรอยเป็นแผล รอยบาดหรือกรีดบริเวณส่วนต่างๆ ของเนื้อไก่
- กลิ่นของเนื้อไก่ – ไก่ที่มีความสดต้องไม่มีกลิ่นเหม็นตุ หรือเหม็นคาวจนเกินไป
- ไม่มีเมือก – ไก่ที่สดสะอาดเวลาจับเลือกดูจะต้องไม่มีลักษณะเป็นเมือก เนื้อต้องไม่ยุ่ยจนติดกับมือมา จับแล้วต้องมีความแน่นของเนื้อที่กำลังพอดีไม่เหลว เวลาที่กดลงไปจะต้องไปเป็นรอยตามแรงกด
- ต้องไม่มีเลือกคั่งกระจายไปตามผิวหนัง – เพราะสัตว์ปีกทุกชนิดหากมีลักษณะอย่างที่บอกมาแสดงว่าตายด้วยโรคไม่ใช่เกิดจากการเชือด
- สถานที่เลือกซื้อควรมีความสะอาด – การเลือกซื้อเนื้อไก่ที่ดีบริเวณสถานที่ซื้อควรมีความสะอาด ไม่สกปรก คนขายเองก็ควรแต่งกายให้เหมาะสม มีถุงมือ ผ้าผิดปาก ผ้าคลุมศีรษะป้องกันอย่างมิดชิด
- กรณีที่ซื้อแบบแช่แข็ง – ควรเลือกดูวันหมดอายุให้ดี รวมถึงสังเกตสีของไก่ให้ดีว่าต้องมีสีคล้ำจนเกินไป หากมียี่ห้อก็ควรเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ ไว้ใจได้ ซึ่งรสชาติก็จะแตกต่างจากไก่สดไปในอีกรูปแบบหนึ่ง